วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เทคโนโลยีชีวภาพ

ความหมาย

เทคโนโลยีชีวภาพหมายถึง


การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาสิ่งมีชีวิต เพื่อ จะได้นำผลผลิตที่ได้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่มนุษย์  ไม่ว่าจะทางด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม ฯลฯ


ประโยชน์


ด้านอุตสาหกรรม
-ทำเบียร์ ไวน์ เหล้า ขนมปัง
-หมักนม  ทำเนยแข็ง โยเกิร์ต
-การเพาะเห็ด
-การผลิตซีอิ๊ว


ด้านการแพทย์
-การฝากถ่ายตัวอ่อน ในกรณีที่ แม่ไม่สามารถตั้งครรภ์เองได้
-ตรวจหาความสัมพันธ์ ทางสายเลือด ด้วยการวิเคราะห์ DNA
- Gene Therapy
-สืบคดีจากการตรวจลายพิมพ์ DNA




ข้อเสีย
- ความปลอดภัยในด้านการนำมาเป็นอาหารของผู้บริโภคสัตว์เลี้ยง หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มีน้อย
 ที่ใช้ GMOs ในการตัดต่อพันธุกรรม   โดนพิจารณาจาก ผลกระทบจากการปริโภคอาหาร  GMOs


-มีผลกระทบทำให้เกิดการสูญพันธุ์ ของพืชและ สัตว์ พันธุ์แท้ ซึ่งกระทบต่อความหลากหลายท่างชีวภาพและระบบนิเวศน์




- ด้านต้นทุนการผลิต เช่น การพัฒนาพันธุ์พืช มีราคาสูง

ประเมินผล

สิ่งที่ได้เรียนรู้                                                                                         

ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการค้นคว้าหาข้อมูลในสื่ออินเทอร์เน๊ตเพื่อนำมาเผยแพร่ที่บล็อกแห่งนี้ ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจากสื่อต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปที่กระชับกว่าบทความที่นำมาอ้างอิงข้อมูล และได้เรียนรู้วิธีการนำเสนอที่แปลกใหม่ ที่ต่างจากเดิม ที่ต้องใช้กระดาษ เป็นตัวกลาง ในการนำเสนองาน


ปัญหา                                                                                                   
- หาข้อมูลยาก เพราะเนื่องจากไม่ทราบว่าบทความจะมีความแปลกใหม่ หรือน่าสนใจ หรือเปล่า
-ไม่มีความชำนาญ ในการใช้เครื่องมืออัพ บทความ

ข้อเสนอแนะ                                                                                              
- การใช้สื่อเทคโลยีมาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน ทำให้นักเรียนมีความสนใจและกระตือรือร้น ในการทำงาน และหาความรู้เพิ่มขึ้นมากกว่า เนื้อหาที่อยู่ในกระดาษ

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การฝังเข็มเพื่อความงาม

การฝังเข็ม 

คือ การแทงเข็มลงไปบนจุดฝังเข็มตามร่างกาย โดยคาเข็มไว้สักครู่.. หลังจากนั้นจึงนำเข็มออก การฝังเข็มเป็นการรักษาโรค โดยใช้หลักการรักษาของแพทย์แผนจีนที่มีพัฒนาการมากกว่า 4000 ปี
การฝังเข็มเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของแพทย์แผนจีนโบราณ  ปัจจุบันได้รับการยอมรับและเชื่อถือมากขึ้นจากแพทย์แผนตะวันตก เพราะสามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์  โดยใช้หลักของประสาทสรีรวิทยา คือเมื่อมีการกระตุ้นปลายประสาท  จะส่งผลให้อวัยวะต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงาน  การฝังเข็มก็คือการใช้เข็มเป็นตัวกระตุ้นซึ่งให้ผลการรักษาดีไม่น้อย เพราะแพทย์แผนจีนได้สั่งสมความรู้มานับพันปีในเรื่องจุดต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับการทำงานและความสมดุลของร่างกาย

  • การฝังเข็มเพื่อเพิ่มและลดน้ำหนัก
                    วิธีฝังเข็มเพื่อเพิ่มหรือลดน้ำหนักถูกกล่าวขวัญกันมาก  ด้วยจุดเด่นที่แตกต่างจาก
วิธีลดน้ำหนักอื่น ๆ ตรงที่มุ่งเน้นการมีน้ำหนักที่เหมาะสมพร้อมกับสภาพร่างกายที่แข็งแรง
ไม่มีอันตรายทั้งโดยตรงและผลข้างเคียง
                    การแพทย์แผนจีนถือว่าสภาวะของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน  การรักษาจึงต้องพิจารณาว่าร่างกายของผู้นั้นอยู่ในสภาวะใด  สาเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหน  โดยส่วนใหญ่คนอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินมักมีสาเหตุจากการกินมาก  แต่นำไปใช้น้อย  หรือร่างกายไม่สามารถแปรอาหารเป็นพลังงานเพื่อนำไปใช้ได้หมด  นั่นแสดงถึงสภาวะที่ระบบการย่อยและการดูดซึมของร่างกายผิดปกติ  จึงทำให้มีไขมันหรือของเสียตกค้างในร่างกาย
สภาวะที่ระบบการย่อยและการดูดซึมของร่างกายผิดปกติมีอยู่สองลักษณะด้วยกันประการแรกคือ  

1.มีสภาพแกร่ง  หมายถึง ระบบการย่อยและการดูดซึมของร่างกายมีการสะสมความร้อนมากเกินไป  ซึ่งเกิดได้จากการกินอาหารร้อน ๆ บ่อย ๆ เป็นเวลานาน  การกินอาหารมื้อดึก  การกินอาหารประเภทไขมันรวมถึงการกินอาหารปริมาณมากเป็นประจำ  ทำให้ได้รับแคลอรี่หรือพลังงานมาก  ร่างกายก็ร้อนมาก  เมื่อใช้พลังงานไม่หมด  ร่างกายสะสมพลังงานที่เหลือไว้ นานเข้าก็มีผลกระทบให้การย่อยไม่ดีตามไปด้วย  อาการของคนที่มีสภาวะนี้จะขี้ร้อน  เหงื่อออกง่าย  กินเก่ง  หิวง่าย  หน้าแดง  ลิ้นแดง  ชีพจรเต้นเร็วและแรง  ท้องผูก  ปัสสาวะมีสีเข้ม
2. ระบบการย่อยและดูดซึม มีสภาพพร่อง หมายถึงมีความเย็นมาก ทำให้ร่างกายย่อยไม่ดี  ซึ่งจะมีผลให้มีน้ำและความชื้นตกค้างในร่างกายมากสังเกตได้ว่า  คนอ้วนที่อยู่ในสภาวะนี้มักจะตัวบวม  เนื้อเหลว  และตรงกันข้ามกับแบบแรก คือ กินน้อยแต่อ้วน  เหนื่อยง่าย  ท้องเสียบ่อย ถ้ายิ่งไปกินของเย็น เช่น แตงโม  สับปะรด  ชมพู่  น้ำชา  มะขามแขก  ผักผลไม้ต่างๆ ก็จะยิ่งอ้วนขึ้นอีก
การฝังเข็มเพื่อลดน้ำหนัก  
ให้ได้ผลขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ในการวินิจฉัยสาเหตุแห่งความอ้วนของคนไข้แต่ละรายได้ถูกต้องด้วย  
เช่น  จุดที่ลดความร้อนในกระเพาะและลำไส้  
จุดที่ช่วยระบายความชื้นที่ตกค้างหรือที่เรียกว่าระบายเสมหะชื้น  
กระตุ้นให้เกิดการใช้พลังงาน  กระตุ้นบางจุดให้มีไขมันละลาย 
กระตุ้นให้กินมากขึ้น ทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น  ท้องไม่ผูก  ไม่เสีย  
บำรุงการย่อยให้แข็งแรง   เป็นการรักษาสมดุลของร่างกาย

คนที่ต้องการลดน้ำหนักทั้งตัว  หมอจะใช้เข็มกระตุ้นหลายๆจุดพร้อมกัน  แต่หากต้องการลดเฉพาะส่วน  ก็ทำได้โดยใช้กระแสไฟฟ้าต่อเข้ากับเข็ม  ทำการกระตุ้นเป็นจังหวะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อ  ไขมัน  ที่รวมตัวกันเป็นก้อนก็จะแตกตัว  ลดขนาดลงและถูกขับออกมาทางท่อน้ำเหลือง  ซึ่งปลอดภัยกว่าการดูดไขมันเยอะ
 
การฝังเข็มเพื่อเพิ่มน้ำหนัก 
 ก็ทำได้โดยการกระตุ้นที่ศูนย์ควบคุมความหิวความอิ่มให้ส่งผลกลับกัน  คือกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหาร  ให้การดูดซึมสารอาหารเป็นไปได้ดีมากขึ้น  เมื่อรับประทานได้มากและร่างกายรับไปใช้ได้ดีขึ้น  น้ำหนักก็จะเพิ่มตามมาในที่สุด
คนที่ต้องการลดน้ำหนักทั้งตัว  หมอจะใช้เข็มกระตุ้นหลายๆจุดพร้อมกัน  แต่หากต้องการลดเฉพาะส่วน  ก็ทำได้โดยใช้กระแสไฟฟ้าต่อเข้ากับเข็ม  ทำการกระตุ้นเป็นจังหวะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อ  ไขมัน  ที่รวมตัวกันเป็นก้อนก็จะแตกตัว  ลดขนาดลงและถูกขับออกมาทางท่อน้ำเหลือง  ซึ่งปลอดภัยกว่าการดูดไขมันเยอะ

Yo-Yo Effect 

  คือ เหตุการณ์ที่น้ำหนัก  เพิ่มกลับมากกว่าเดิม
  เพราะการฝังเข็มเห็นผลช้าต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ครั้ง เปรียบเทียบกับการใช้ยาลดความอ้วนซึ่งเห็นผลเร็วกว่าเพราะยาจะเข้าไปบังคับให้ไม่รู้สึกหิวและผอมลงในเวลาอันรวดเร็วแต่ผลที่ตามมาคือ ร่างกายขาดสารอาหาร ซึ่งอันตรายมาก เมื่อหยุดยาก็มักเกิดผลตรงข้าม คือน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประโยชน์ของการฝังเข็ม
  การฝังเข็มเพื่อเพิ่มหรือลดน้ำหนักจะ มีผลให้ความดันเลือดและไขมันในเส้นเลือดลดลง   
และช่วยปรับระดับอินซูลิน  คอร์ติโซน  และอะดรีนาลิน ซึ่งเป็นสารที่มีความสัมพันธ์กับการเผาผลาญและการสะสมไขมัน  ให้อยู่ในระดับสมดุลสอดคล้องกับสภาพของร่างกาย
      ผลที่ได้รับจากวิธีฝังเข็ม  

ไม่ได้เน้นว่าคุณสามารถลดหรือเพิ่มน้ำหนักได้เท่าไหร่ แต่จะพิจารณาถึงสุขภาพโดยรวม ว่า ระบบย่อยทำงานดีขึ้น  อาการไม่สบายต่างๆ เช่น ท้องอืด  ท้องเฟ้อหายไป  ร่างกายแข็งแรงขึ้น  เป็นสำคัญ  เพราะการฝังเข็มไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มหรือลดน้ำหนักเท่านั้น  แต่จะปรับสมดุลของร่างกายให้สุขภาพดีขึ้น
   

  • การฝังเข็มเพื่อชะลอวัยและลดริ้วรอย

ปักเข็มลงไปบนจุดลมปราณบนใบหน้าทำให้เลือดมาเลี้ยงใบหน้ามากขึ้น แก้มมีสีอมชมพูสดใสตามธรรมชาติ และกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้แข็งแรงเหมือนได้ออกกำลังกาย ยกกระชับขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นให้อวัยวะภายในที่มีลมปราณเชื่อมกับใบหน้าให้แข็งแรงขึ้น



  • ฝังเข็มหน้าเด้ง





ส่งผลด้าน การไหลเวียนของเลือด และลมปราณ เนื่องจากคนไข้จะรู้สึกได้ในแง่ของผิวหน้าที่กระชับขึ้น ลดอาการบวมของถุงน้ำใต้ตา เพิ่มความกระจ่างใสของผิวหน้า ความมีชีวิตชีวาและดวงตาที่สดใสเปล่งประกาย พร้อมกับแนวทางศาสตร์ของการฝังเข็มเป็นการรักษาแบบองค์รวม ประโยชน์ที่ได้นอกเหนือจากความงามยังมีอีกมากมาย เช่น สุขภาพของอวัยวะภายในที่แข็งแรงและระบบต่างๆ มีการทำงานอย่างสมดุล


การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดคืออะไร?


bmt01 

จุดมุ่งหมายของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด  

คือ เพื่อจะแทนที่เซลล์ที่ไม่แข็งแรงหรือเซลล์ที่ผิดปรกติในไขกระดูก ด้วยเซลล์ต้นกำเนิดที่แข็งแรง
และปรกติ เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด สามารถเก็บได้มาจาก 3 แหล่งในร่างกายมนุษย์
          
             การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจึงมักถูกเรียกเป็น การปลูกถ่ายไขกระดูก การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากกระแสเลือด และการปลูกถ่ายเลือดจากสายสะดือ พูดอีกนัยหนึ่ง จุดประสงค์ของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดคือเพิ่มศักยภาพในการรักษาโรคร้ายชนิดต่างๆ ทั้งโรคมะเร็ง และไม่ใช่โรคมะเร็ง ให้มีโอกาสหายขาด


          Stem cell ที่ปรกติ สามารถหาได้จากผู้บริจาค ซึ่งอาจจะเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน หรืออาจจะเป็นอาสาสมัครผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติ (หรือในบางกรณีของโรคมะเร็ง อาจใช้เซลล์ต้นกำเนิดของตัวผู้ป่วยเอง) Stem cell นั้นจะถูกนำมาให้ผู้ป่วย (ผู้รับ) ทางสายสวนหลอดเลือดดำ หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการเตรียมการโดยการรับยาเคมีบำบัดขนาดสูงแล้ว (บางกรณีใช้การฉายรังสีรักษาทั่วตัวร่วมด้วย) ขั้นตอนเตรียมการก่อนปลูกถ่ายนี้เรียกว่า Conditioning ใช้เวลาประมาณ 5-10 วันแล้วแต่สูตรการรักษา ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง จุดประสงค์ของการ conditioning ก็เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลือคั่งค้างในร่างกายให้หมดสิ้น สำหรับผู้ป่วยเด็กโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคโลหิตจางเบต้าธาลัสซีเมีย จุดประสงค์ของการ conditioning ก็เพื่อเปิดเนื้อที่ในโพรงไขกระดูกให้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของผู้บริจาคสามารถปลูกติด และเจริญแบ่งตัวขึ้นมาเป็นเซลล์ที่ปรกติ และเพื่อปรับภูมิต้านทานของผู้ป่วย (ผู้รับ) ไม่ให้ต่อต้านเซลล์ของผู้บริจาค (ผู้ให้)
          กระบวนการปลูกถ่ายจะกระทำต่อเนื่องจากระยะ conditioning วิธีการปลูกถ่ายคือการให้ stem cells ของผู้บริจาคเข้าไปในตัวผู้ป่วยผ่านทางสายสวนหลอดเลือดดำ คล้ายคลึงกับวิธีการให้เลือดโดยทั่วไป เพียงแต่ต้องมีการติดตามอาการและสัญญาณชีพต่างๆ อย่างใกล้ชิด ขณะให้เซลล์ต้นกำเนิดแก่ผู้ป่วย Stem cells ดังกล่าวจะไหลเวียนไปในกระแสเลือดของผู้ป่วย และเข้าสู่โพรงไขกระดูก ที่ซึ่งต่อมา เซลล์ต้นกำเนิดจะเจริญเติบโต เพิ่มจำนวน และพัฒนาไปเป็นเซลล์เม็ดเลือดชนิดต่างๆ ที่แข็งแรง ในเวลา 2-3 สัปดาห์ถัดมา

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

แผ่นกรอง HEPA Filter

 (High Efficiency Particulate Air Filter)


เป็นหัวใจของตู้ปลอดเชื้อ Biological Safety Cabinet (ตู้ไบโอฮาซาร์ด) และ Laminar Flow Clean Bench (ตู้ลามินาร์) รวมทั้งห้องปลอดเชื้อ (Cleanroom) ซึ่งเกิดจากการนำวัตถุดิบที่เรียกว่า Borosilicate Microfiber มาขึ้นรูปเป็นแผ่น ด้วยเทคนิคระหว่างกระบวนการผลิตทำให้ HEPA Filter มีความสามารถที่จะดักจับฝุ่นละอองต่างๆ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม HEPA Filter ไม่สามารถกักเก็บก๊าซหรือสาร VOCs ต่างๆได้เนื่องจากขนาดที่เล็กกว่ามาก


กลไกสำคัญในการดักจับสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กๆของ HEPA Filter เกิดจากการทำงานร่วมกัน
ของ Sieving, Interception, Inertial Impaction และ Diffusion

ประเภทรวมทั้งระดับประสิทธิภาพของ HEPA Filter ถูกแบ่งตามความสามารถในการกรองอนุภาคเล็กๆขนาด 0.3 ไมครอน การตรวจสอบนี้สามารถทำได้โดยการทดสอบจ่ายสารละอองขนาดเล็ก (Aerosol) เช่น สาร DOP (Dioctyl Phthalate) หรือ PAO (Polyalpha Olefin) ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับ 0.3 ไมครอน เข้าไปสู่ด้าน Upstream ของแผ่นกรองจากนั้นจึงทดสอบประสิทธิที่ด้าน Downstream โดยทั่วไป ประสิทธิภาพของ HEPA Filter มักจะเริ่มตั้งแต่ 99.95% ไปจนถึง 99.99% ที่ขนาดอนุภาค 0.3 ไมครอน ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต

เราไม่สามารถกำหนดอายุการใช้งานของ HEPA Filter ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะแดกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาการใช้งาน (Operating Hours) ความสะอาดของห้อง รวมทั้งลักษณะของงานที่เกี่ยวข้อง โดยมากอายุของ HEPA Filter จะอยู่ในช่วง 3-5 ปี ก่อนที่จะต้องทำการเปลี่ยนใหม่



HEPA & ULPA Filter









• HEPA: High Efficiency Particulate Air


โดยทั่วไป HEPA Filter สามารถกรองอนุภาค 0.3 ไมครอนได้ที่ระดับ 99.99% ซึ่งแผ่นกรองประเภทนี้เป็นที่นิยมใช้งานแพร่หลายในตู้ปลอดเชื้อ Biological Safety Cabinet (ตู้ไบโอฮาซาร์ด) หรือ Laminar Flow Clean Bench (ตู้ลามินาร์) และห้องปลอดเชื้อ (Cleanroom)




• ULPA: Ultra Low Penetration Air


โดยทั่วไป ULPA Filter สามารถกรองอนุภาคขนาด 0.12 ไมครอน ได้ที่ระดับ 99.999%
แผ่นกรองระดับพิเศษนี้มักพบเจอในห้องปลอดเชื้อ (Cleanroom) ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมแผงวงจรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งต้องการความสะอาดสูง






http://isscothai.com/th/cleanroom-technology/hepa-filter-and-its-applications.html

Clernroom Technology

อะไรคือ Cleanroom 





คลีนรูม (Cleanroom) หรือเรียกกันว่า "ห้องปลอดเชื้อ" หรือ "ห้องสะอาด" หมายถึง ห้องสะอาดที่มีการควบคุมปริมาณอนุภาค ฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ให้มีไม่เกินระดับที่กำหนดไว้ นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการควบคุมปัจจัยเสริมต่างๆ ได้แก่ คุณลักษณะและความเร็วของลม อุณหภูมิ แรงดัน และระดับความชื้นสัมพัทธ์ภายในห้องอีกด้วย





ทำไมจึงต้องมีห้องปลอดเชื้อ                                                  

ความต้องการของห้องปลอดเชื้อ เกิดจากปัญหาของสิ่งปนเปื้อน อนุภาคขนาดเล็กและฝุ่นละอองต่างๆ ที่มาจาก ผู้ปฏิบัติงาน เครื่องจักร กระบวนการผลิตรวมทั้งอากาศภายนอก สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างปัญหาให้กับผลิตภัณฑ์หรืองานที่กำลังทำอยู่ ส่งผลให้งานที่ได้ขาดประสิทธิภาพ


ขอบข่ายของการใช้งานห้องปลอดเชื้อ  มีมากมายตั้งแต่ภายโรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการ โรงงานอุตสาหกรรมอาหารและยา รวมไปถึงโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้


Industry Product
Electronics Computers, TV-tubes, flat screens
Semiconductor Production of integrated circuits
Micromechanics Gyroscopes, compact disc players, bearings
Optics Lenses, photographic film, laser equipment
Biotechnology Antibiotic production, genetic engineering
Pharmacy Sterile pharmaceuticals, sterile disposables
Medical Devices Heart Valves, cardiac by-pass systems
Food and Drink Brewery production, unsterilized food and drink
Aerospace Manufacturing and assembling of aerospace electronics



ประเภทของห้องปลอดเชื้อ                                                   
เราสามารถแบ่งห้องปลอดเชื้อ (คลีนรูม, ห้องสะอาด) ออกเป็นสองประเภท ตามลักษณะการไหลเวียนของอากาศภายในห้อง ดังนี้


1. Unidirectional Flow Cleanroom







มีลักษณะการเคลื่อนของอากาศภายในห้องเป็นแบบ "Laminar Flow" เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะอาดและการป้องกัน Cross Contamination เป็นพิเศษ



2. Non-Unidirectional Flow Cleanroom







มีลักษณะการเคลื่อนที่ของอากาศภายในห้องเป็นแบบ "Turbulent Flow" ซึ่งมีการไหลเวียนเป็นระเบียบน้อยกว่าแบบ Unidirectional Flow Cleanroom



มาตรฐานสากลเกี่ยวกับห้องปลอดเชื้อ                                   

มาตรฐานสากล Federal Standard 209 E (FED-209E) ที่เกี่ยวข้องกับห้องปลอดเชื้อ (คลีนรูม, ห้องปลอดเชื้อ) ถูกกำหนดเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการและผู้ใช้งานห้องโดยแบ่งห้องปลอดเชื้อนี้ออกเป็น 6 คลาส (Class) ตามระดับความสะอาดภายในห้อง มีรายละเอียดดังนี้


Cleanroom Class Class Limits not to exceed
particles per cu.ft for particle size between

0.1 mm 0.2 mm 0.3 mm 0.5 mm 5.0 mm
1 35.0 7.50 3.0 1 --
10 350 75.0 30.0 10 --
100 -- 750 300 100 --
1000 -- -- -- 1000 7.0
10000 -- -- -- 10000 70.0
100000 -- -- -- 100000 700



ในปัจจุบันมาตรฐานสากล FED-209E ถูกยกเลิกและแทนที่ด้วยมาตรฐานสากล ISO 14611 ซึ่งมีการใช้หน่วยในการวัดเป็นแบบเมททริก (metric) แทน และมีการเรียกชื่อคลาสย่อยแบบใหม่แทนดังรายละเอียดข้างล่างนี้




FED STD 209E ISO 14644-1
1 3
10 4
100 5
1000 6
10000 7
100000 8



แหล่งที่มา


1. Cleanroom Technology, W. Whyte
2. A Basic Design Guide for Clean Room Application, PHD course M143
3. http://www.wikipedia.com
4. http://www.cemag.us
5.http://isscothai.com/th/cleanroom-technology/fundamental-of-cleanroom.html

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“ยุงยักษ์” แท้จริงคือ “แมลงวันขายาว”

นักกีฎวิทยาเผย "ยุงยักษ์" แท้จริงคือ "แมลงวันขายาว"




ส่วนพวกยุงยักษ์ตัวใหญ่จริง แต่ดูดเลือดไม่ได้ เพราะปลายปากงอ
ดูดได้แต่น้ำหวาน แมลงทั้ง 2 ชนิดไม่เป็นอันตรายต่อคนหรือสัตว์


หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า นางสำเนียง แกล้วกสิกิจอายุ 64 ปี ชาวบ้าน ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พบยุงลายยักษ์ ขนาดใหญ่ มีลักษณะปีกใสมีลายจุด ขายาวมีลายขาวดำเป็นปล้องๆ เหมือนยุงลาย เมื่อวันที่ 25 ต.ค.53 อีกทั้งยังมีชาวบ้านที่เชียงใหม่ พบแมลงที่มีลักษณะคล้ายยุงยักษ์ ลำตัวมีความยาวประมาณ 4 เซนติเมตร มีขาแปดขา ขาหน้ายาว 6 เซนติเมตร ขาหลังยาว 9 เซนติเมตร เช่นเดียวกัน จึงสร้างความวิตกกังวลให้ชาวบ้านอย่างมาก


ทั้งนี้ ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช.ได้ให้ข้อมูลจากนักกีฏวิทยาว่าแมลงดังกล่าวไม่ใช่ยุงยักษ์ แต่เป็น “แมลงวันขายาว” โดยได้สอบถามไปยัง รศ.โกศล เจริญสม ภาควิชากีฎวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความรู้ว่า แมลงวันขายาว หรือ เครนฟลาย (crane fly) อยู่ในวงศ์ธิปูลิดี (Family Tipulidae) เป็นแมลง 2 ปีก ที่มีลักษณะคล้ายยุง มี 6 ขา ทั่วโลกมีประมาณ 12,000 ชนิด

ลักษณะเด่นของแมลงวันขายาว คือ ลำตัวสูงชะลูด ขายาวมาก ในตัวเต็มวัยปากจะเล็กมากๆ จนไม่ทำงาน หรือกล่าวได้ว่าแทบไม่กินอาหารในตัวเต็มวัย กินบ้างก็เพียงแค่น้ำเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งแมลงหลายชนิดมีลักษณะเดียวกันนี้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวล ไม่เป็นอันตรายต่อคนหรือสัตว์แน่นอน

นอกจากนี้เอกลักษณ์อีกประการหนึ่งคือ เป็นแมลงที่ขาหลุดง่ายมากจากในบรรดาแมลงทั้งหมด เพราะขาที่ยาว ทำให้เวลาจับตัวแมลงขาจะหลุดร่วงได้ง่าย เป็นที่ทราบดีในบรรดานักกีฏวิทยา

สำหรับวงจรชีวิตในเบื้องต้นคือ เป็นแมลงที่วางไข่ในที่ชื้นแฉะหรือแหล่งน้ำ มีระยะตัวอ่อนเป็นหนอน และเข้าสู่ตัวเต็มวัยที่เป็นแมลง มักจะปรากฏให้เห็นในช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่ปกติจะพบเจอได้ยากมาก

ขณะที่ยุงยักษ์จริงๆ จะเป็นยุงขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณ 2 ซม. ลักษณะเด่นคือปากยาวแต่พับลง หรือ มีปลายปากโค้งงอ ทำให้เจาะดูดเลือดกินเหมือนยุงทั่วไปไม่ได้ กินได้เพียงแต่น้ำหรือน้ำหวานเท่านั้น จึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ นอกจากนี้ลักษณะเด่นของยุงยักษ์ คือ บนเส้นปีกจะมีเกล็ดเล็กๆ เป็นเกล็ดที่มีเม็ดสีเหมือนเกล็ดผีเสื้อเรียงตัวไปตามความยาวของเส้นปีก




รศ.โกศล กล่าวว่า เหตุการณ์ความเข้าใจผิดว่าแมลงวันขายาว หรือแมลงวันแมงมุม เป็นยุงยักษ์ นั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดีทั้งแมลงวันขายาว หรือ ยุงยักษ์ ต่างก็เป็นแมลงที่ไม่มีพิษภัยหรืออันตรายใดๆ ชาวบ้านจึงไม่ต้องวิตกกังวล และต่อให้เป็นยุงยักษ์จริงๆ ก็จะยิ่งมีประโยชน์ เนื่องจากไม่เพียงเป็นยุงที่ไม่ดูดกินเลือดคนแล้ว ระยะลูกน้ำของยุงยักษ์ยังมีศักยภาพในการกินลูกน้ำยุงลายดีมาก ถือเป็น “ยุงปราบยุง” ที่นับว่าน่าสนใจมากทีเดียว....

อ้างอิง: http://forum.khonkaenlink.info/index.php?PHPSESSID=nc06p63a47dqhs03gd7969do55&topic=266959.0

แมมม็อธตัวเป็นๆ ในอีกราว 4-5 ปีข้างหน้า



ช้าง ยักษ์แมมม็อธ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแห่งยุคดึกดำบรรพ์ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับช้างในปัจจุบัน
แต่สูญพันธุ์ไป 4,500 ปีก่อน ยังคงทิ้งปริศนาไว้ให้วงการวิทยาศาสตร์ได้ฉงนกันว่า
ด้วยสาเหตุใดพวกมันจึงสาบสูญไปจากโลก
นำมาซึ่งความพยายามของคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโกเบะ แห่งจังหวัดฮิวโงะ ของญี่ปุ่น ระบุว่า พวกตนอาจคืนชีพให้กับช้างตระกูล "แมมมูธัส" จำพวกนี้ได้ ผ่านกระบวนการ โคลนนิ่ง

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.อากิระ อิริตะนิ ผู้นำโครงการคืนชีพช้างแมมม็อธ กล่าวว่า เมื่อป 2540 ที่ผ่านมา ทางคณะต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญหลังการสกัดสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ จากซากแมมม็อธ ซึ่งถูกแช่แข็งไว้ในแคว้นไซบีเรียของสหพันธรัฐรัสเซียประสบความล้มเหลว เนื่องจากถูกความเย็นทำลาย แต่ต่อมาในปี 2551 ดร.เทรุฮิโกะ วากายามะ จากศูนย์พัฒนาชีวภาพริกเค็นของญี่ปุ่น ค้นพบวิธีการสกัดดีเอ็นเอเพื่อโคลนนิ่งหนูจากเนื้อเยื่อที่ถูกแช่แข็งมานาน ถึง 16 ปี โดย ดร.อิริตะนิและคณะได้อาศัยกรรมวิธีดังกล่าวทำให้ประสบความสำเร็จในการสกัด "นิวคลีไอ" ส่วนซึ่งบรรจุดีเอ็นเอของแมมม็อธไว้ จากเซลล์ไข่ในซากของแมมม็อธเพศเมีย โดยใช้เซลล์ไข่ของช้างในปัจจุบันเติมในส่วนที่ขาดหายไป ขั้นต่อไปคือการหาเนื้อเยื่อที่มีสภาพสมบูรณ์จากซากแมมม็อธในไซบีเรีย สถานที่ซึ่งมีซากแมม ม็อธแช่แข็งกระจัดกระจายอยู่ถึง 150 ล้านตัว บ้างเหลือแต่กระดูกโครง กระดูกงา ขน กระทั่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์

ดร.อิ ริตะนิกล่าวว่า หากการ "เอ็มบริโอ" หรือเซลล์ตัวอ่อน ของแมมม็อธสร้างขึ้นได้สำเร็จ ทางคณะจะนำไปฝากครรภ์ไว้กับช้างแอฟริกัน เนื่องจากมีความใกล้ชิดกันทางด้านพันธุกรรมมากที่สุด โดยจะใช้เวลาอุ้มท้องทั้งสิ้นราว 22 เดือน นับว่านานที่สุดในบรรดาสัตว์บกบนโลก ซึ่งจะทำให้นักวิทยา ศาสตร์สามารถศึกษาสาเหตุของการสูญพันธุ์ได้

"ความเป็นไปได้ที่ โครงการนี้จะสำเร็จนั้นค่อนข้างเป็นไปได้น้อย แต่ตอนนี้อยู่ที่ราวร้อยละ 30 แปลว่า พวกเราอาจมีโอกาสได้เห็นช้างแมมม็อธตัวเป็นๆ ในอีกราว 4-5 ปีข้างหน้า" ดร.อิริตะนิกล่าว


อ้างอิง : http://forum.khonkaenlink.info/index.php?PHPSESSID=nc06p63a47dqhs03gd7969do55&topic=307658.0